คุณสมบัติ

สกรูมีหลายประเภท แต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะทาง ด้วยหัวสกรู, เกลียว, และวัสดุที่แตกต่างกัน:

• สกรูเกลียวปล่อย (Self-Tapping Screw): เป็นสกรูที่ปลายแหลมและมีเกลียวคมตลอดตัว สามารถเจาะนำและสร้างเกลียวในเนื้อวัสดุได้เองโดยไม่ต้องมีรูนำหรือต๊าปเกลียวก่อน เหมาะสำหรับงานไม้ พลาสติก โลหะแผ่นบาง หรือวัสดุที่ค่อนข้างอ่อน
• สกรูปลายสว่าน (Self-Drilling Screw / Tek Screw): สกรูชนิดนี้มีปลายคล้ายดอกสว่าน สามารถเจาะเหล็กหนาได้ในคราวเดียวโดยไม่ต้องเจาะรูนำ เหมาะสำหรับงานโครงสร้างเหล็ก โครงคร่าว หรือยึดแผ่นเมทัลชีท
• สกรูหัวจม (Socket Head Cap Screw): มีหัวเป็นทรงกระบอกและมีรูหกเหลี่ยมด้านในสำหรับใช้ประแจหกเหลี่ยมขัน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเรียบร้อย ไม่ให้หัวสกรูโผล่ออกมาเกะกะ หรือในพื้นที่จำกัด
• สกรูหัวเตเปอร์ (Countersunk Head Screw): มีหัวเป็นทรงกรวยคว่ำ เมื่อขันเข้าไปแล้วหัวจะจมเสมอไปกับพื้นผิว ทำให้งานดูเรียบร้อย สวยงาม
• สกรูหัวแฉก/หัวผ่า (Phillips Head / Slotted Head Screw): สกรูทั่วไปที่นิยมใช้ในงานไม้ งานยึดติดต่างๆ
• สกรูน็อตและหัวน็อต (Bolt & Nut): แม้ไม่ใช่สกรูโดยตรง แต่มักใช้งานร่วมกัน สกรูชนิดนี้มักมีเกลียวบางส่วนหรือเต็มตัว ต้องใช้กับหัวน็อตเพื่อยึดติด นิยมใช้ในงานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษ เพราะสามารถรับแรงดึงได้ดีกว่าสกรูทั่วไป
• วัสดุ: สกรูผลิตจากวัสดุหลากหลายชนิด เช่น เหล็กชุบซิงค์ (Zinc Plated Steel) เพื่อกันสนิม, สเตนเลส (Stainless Steel) สำหรับงานที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง หรือเหล็กดำ สำหรับงานทั่วไป

การเลือกใช้สกรูให้ถูกประเภทกับวัสดุที่ต้องการยึด และสภาพแวดล้อมการใช้งาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะรับประกันความแข็งแรงและความทนทานของงานนั้นๆ

ทำไมคุณภาพของสกรูจึงสำคัญต่อความมั่นคงของงาน?

การเลือกใช้สกรูที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบถึงความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในระยะยาว:

• ความแข็งแรงในการยึดจับลดลง: สกรูที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพต่ำอาจขาดง่ายเมื่อรับแรงบิดหรือแรงดึง ไม่สามารถยึดชิ้นงานเข้าด้วยกันได้อย่างมั่นคง ทำให้โครงสร้างหรือส่วนประกอบหลวมคลอนและอาจพังทลายได้
• เกิดสนิมและผุกร่อนเร็ว: สกรูที่ไม่มีการเคลือบป้องกันสนิมที่ดี หรือเคลือบไม่หนาพอ จะเกิดสนิมได้อย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับความชื้น ทำให้ประสิทธิภาพในการยึดลดลง และยังทำให้งานดูไม่สวยงาม
• ปลายทู่หรือเกลียวเสีย: สกรูคุณภาพต่ำมักมีปลายที่ไม่คม หรือเกลียวที่บิดเบี้ยว ทำให้เจาะหรือขันเข้ากับวัสดุได้ยาก ต้องออกแรงมาก หรือเกลียวรูดง่าย ทำให้สิ้นเปลืองเวลาและสกรู
• ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง: การใช้สกรูที่ไม่มีคุณภาพจะทำให้อุปกรณ์หรือโครงสร้างเสียหายเร็วขึ้น ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่บ่อยครั้ง

ดังนั้น การลงทุนกับสกรูคุณภาพสูงจึงเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัย ความทนทาน และความคุ้มค่าในระยะยาวอย่างแท้จริง