
สอบถามรายละเอียด และขอใบเสนอราคา
ทีมงานพร้อมให้บริการทุกวัน
เอชบีม
ในงานก่อสร้างขนาดใหญ่และโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูงสุด เหล็กเอชบีม (H-Beam) คือพระเอกตัวจริงที่ขาดไม่ได้ ด้วยรูปทรงหน้าตัดคล้ายตัว “H” ที่มีปีกกว้างเท่ากันทั้งสองข้าง ทำให้เหล็กชนิดนี้มีคุณสมบัติโดดเด่นในการรับแรงและน้ำหนักได้อย่างมหาศาล เป็นวัสดุหลักที่วิศวกรและผู้รับเหมาเลือกใช้ในการสร้างโครงสร้างที่ต้องการความมั่นคงสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นอาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม หรือโครงสร้างสะพาน การเลือกใช้เหล็กเอชบีมที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และนี่คือสิ่งที่ วิภาค้าเหล็ก มุ่งมั่นที่จะส่งมอบแต่เหล็กเอชบีมคุณภาพเยี่ยมให้กับลูกค้าทุกราย
เอชบีม
ขนาด (mm.) | หนัก | ราคาขาย |
100 x 100 | 103 | 3,146 |
125 x 125 | 143 | 4,356 |
150 x 150 | 189 | 5,776 |
175 x 175 | 241 | 8,216 |
200 x 200 | 299 | 9,106 |
250 x 250 | 434 | 16,665 |
300 x 300 | 564 | 21,626 |
350 x 350 | 822 | – |
400 x 400 | 1,032 | – |
หมายเหตุ :
- ราคา ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2568
- ราคาบนเว็บไซต์เป็นสกุล บาทไทย (THB)
*ราคาอาจะมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาติดต่อแอดมินเพื่อเช็คราคาสินค้า*
คุณสมบัติ
เหล็กเอชบีม (H-Beam) เป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (Hot Rolled Structural Steel) ที่มีหน้าตัดคล้ายตัว “H” โดยมีขนาดปีก (Flange) และความสูงของแกนกลาง (Web) ที่สัมพันธ์กัน ทำให้มีคุณสมบัติทางกลที่ยอดเยี่ยม:
- ความแข็งแรงและสมดุล: รูปทรงตัว H ที่มีปีกกว้างเท่ากันช่วยให้เหล็กเอชบีมสามารถรับแรงอัด แรงดึง และแรงเฉือนได้อย่างสมดุลในทุกทิศทาง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำเสาและคานหลักที่ต้องรองรับน้ำหนักมหาศาล
- รับแรงบิดได้ดีเยี่ยม: ด้วยโครงสร้างที่มีปีกทั้งสองด้าน ทำให้เหล็กเอชบีมมีคุณสมบัติในการต้านทานแรงบิดได้ดีกว่าเหล็กรูปพรรณชนิดอื่น
- น้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับความแข็งแรง: แม้จะมีความแข็งแรงสูง แต่ด้วยรูปทรงที่เป็นโพรงตรงกลาง ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าการใช้เหล็กตันในปริมาณที่ให้ความแข็งแรงเท่ากัน ช่วยลดภาระโครงสร้างและประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและติดตั้ง
- ลดเวลาในการก่อสร้าง: เนื่องจากเป็นเหล็กสำเร็จรูป จึงสามารถนำไปเชื่อม ตัด หรือประกอบหน้างานได้ง่ายและรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน
- หลากหลายขนาด: มีขนาดและความหนาให้เลือกหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับการออกแบบโครงสร้างและการรับน้ำหนักที่แตกต่างกันไป
การใช้งานเหล็กเอชบีมในงานก่อสร้างและอุตสาหกรรม
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ทำให้เหล็กเอชบีมเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในงานที่ต้องการความแข็งแรงสูงสุด:
- โครงสร้างอาคารและโรงงาน: ใช้เป็นเสาและคานหลักของอาคารสูง, โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่, โกดังสินค้า, ศูนย์การค้า และอาคารสาธารณะต่างๆ
- โครงสร้างสะพาน: เป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้างโครงสร้างสะพานและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ต้องการความทนทานต่อแรงมหาศาล
- โครงสร้างรองรับน้ำหนัก: ใช้เป็นโครงสร้างรองรับเครื่องจักรขนาดใหญ่, แท่นขุดเจาะ, หรือโครงสร้างสำหรับเครนและลิฟต์ขนส่ง
- งานฐานราก: ใช้เป็นเสาเข็มเหล็ก (Steel Pile) ในงานฐานราก เพื่อรองรับน้ำหนักและเพิ่มความมั่นคงให้กับโครงสร้าง
- งานโครงสร้างทั่วไป: สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในโครงสร้างเหล็กอื่นๆ ที่ต้องการความแข็งแรงสูงและรวดเร็วในการก่อสร้าง
ทำไมคุณภาพของเหล็กเอชบีมจึงสำคัญที่สุดต่อความปลอดภัยของโครงสร้าง?
การเลือกใช้เหล็กเอชบีมที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ถูกต้องตามสเปก อาจนำมาซึ่งผลกระทบที่ร้ายแรงและค่าใช้จ่ายมหาศาล:
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: เหล็กเอชบีมคุณภาพต่ำอาจมีคุณสมบัติทางเคมีหรือทางกลที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น มีความเปราะบาง จุดครากต่ำ หรือมีตำหนิภายใน ซึ่งจะลดความสามารถในการรับแรงอย่างรุนแรง เสี่ยงต่อการแตกร้าว ทรุดตัว หรือการพังทลายของโครงสร้างในอนาคต
- อายุการใช้งานที่สั้น: เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานจะเสื่อมสภาพ เกิดสนิม หรือเกิดการล้า (Fatigue) ได้เร็วกว่าปกติ ทำให้โครงสร้างมีอายุการใช้งานสั้นลง และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเสริมความแข็งแรงบ่อยครั้ง
- ความคลาดเคลื่อนในการก่อสร้าง: หากเหล็กเอชบีมไม่ได้ขนาดหรือมีรูปทรงที่บิดเบี้ยว จะส่งผลให้การติดตั้งทำได้ยาก เกิดความคลาดเคลื่อนในโครงสร้าง และอาจต้องแก้ไขซึ่งเสียเวลาและค่าใช้จ่าย
- ผลกระทบทางกฎหมายและชื่อเสียง: การใช้เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานอาจนำมาซึ่งปัญหาทางกฎหมาย และส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการ
ดังนั้น การลงทุนกับเหล็กเอชบีมคุณภาพสูงและได้มาตรฐานจึงเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัย ความยั่งยืน และความคุ้มค่าในระยะยาวอย่างแท้จริง