เกลียวเร่ง

สอบถามรายละเอียด และขอใบเสนอราคา
ทีมงานพร้อมให้บริการทุกวัน

02-543-2544 094-548-9166 065-993-2879 Line @vipasteel

เกลียวเร่ง

เกลียวเร่ง (Turnbuckle) คืออุปกรณ์สำคัญที่ช่วยในการปรับแรงตึงของเชือก ลวดสลิง โซ่ หรือเหล็กเส้นได้อย่างละเอียดและแม่นยำ เกลียวเร่งเปรียบเสมือนข้อต่ออัจฉริยะที่ช่วยให้การปรับความตึงหย่อนเป็นไปอย่างง่ายดาย ทำให้โครงสร้างมีความมั่นคงแข็งแรง และปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด การเลือกใช้เกลียวเร่งที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน และเหมาะสมกับการรับน้ำหนัก จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และนี่คือสิ่งที่ วิภาค้าเหล็ก มุ่งมั่นที่จะส่งมอบเกลียวเร่งคุณภาพเยี่ยมหลากหลายชนิดให้กับลูกค้าทุกราย

เกลียวเร่ง

ขนาด ราคาขาย
1/4
5/16
3/8
1/2
5/8
3/4
1

หมายเหตุ :

  • ราคา ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2568
  • ราคาบนเว็บไซต์เป็นสกุล บาทไทย (THB)

*ราคาอาจะมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาติดต่อแอดมินเพื่อเช็คราคาสินค้า*

คุณสมบัติ

เกลียวเร่ง (Turnbuckle) ประกอบด้วยชิ้นส่วนหลัก 3 ส่วน ได้แก่ โครงกลาง (Body) ที่มีเกลียวตัวผู้ทั้งสองด้าน และสลักเกลียวตัวผู้ (Threaded Rods) ที่มีปลายด้านหนึ่งเป็นเกลียว และอีกด้านเป็นขอเกี่ยว ห่วง หรือตะขอ โดยมีคุณสมบัติและรูปแบบการใช้งานดังนี้:

  • โครงสร้างและกลไกการทำงาน: โครงกลางของเกลียวเร่งจะมีรูเกลียวอยู่สองด้าน โดยเกลียวของทั้งสองรูจะหมุนไปในทิศทางตรงกันข้าม (เช่น ด้านหนึ่งเป็นเกลียวซ้าย อีกด้านเป็นเกลียวขวา) เมื่อหมุนโครงกลาง สลักเกลียวตัวผู้ที่เสียบอยู่ในแต่ละด้านจะเคลื่อนที่เข้าหากันหรือออกจากกัน ทำให้ระยะห่างระหว่างปลายทั้งสองด้านเปลี่ยนไป ส่งผลให้เชือก ลวดสลิง หรือโซ่ที่ยึดอยู่เกิดการตึงหรือคลาย
  • วัสดุ: โดยทั่วไปผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอนคุณภาพสูง หรือสเตนเลสสตีล เพื่อความแข็งแรง ทนทานต่อแรงดึง และการกัดกร่อน บางชนิดมีการชุบสังกะสี (Hot-dip Galvanized) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันสนิม
  • ประเภทปลาย:
    – ตา-ตา (Eye & Eye): ปลายทั้งสองด้านเป็นห่วงกลม ใช้สำหรับคล้องกับตะขอ คล้องสลิง หรือยึดกับจุดรับ
    – ขอ-ขอ (Hook & Hook): ปลายทั้งสองด้านเป็นขอเกี่ยว ใช้สำหรับเกี่ยวคล้องได้ง่าย
    – ตา-ขอ (Eye & Hook): ปลายด้านหนึ่งเป็นห่วง อีกด้านเป็นขอเกี่ยว ผสมผสานการใช้งาน
    – หัว-หัว (Jaw & Jaw): ปลายทั้งสองด้านเป็นหัวแบบปากเปิด ใช้สำหรับยึดกับสลักเกลียวที่มีสลักล็อค
  • ความสามารถในการปรับแรงตึง: สามารถปรับความยาวเพื่อเพิ่มหรือลดแรงตึงได้อย่างละเอียด ทำให้ควบคุมความแข็งแรงของโครงสร้างได้อย่างแม่นยำ
  • ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม: การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานภายนอกอาคาร หรือในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง จะช่วยยืดอายุการใช้งาน

การใช้งานเกลียวเร่งในงานโครงสร้างและอุตสาหกรรม

เกลียวเร่งถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายสาขา:

  • งานโครงสร้างอาคารและโครงสร้างเหล็ก: ใช้ในการปรับแรงตึงของสลิงหรือเหล็กเส้นที่ใช้ยึดโครงสร้างหลังคา, โครงถัก (Truss), โครงสร้างกันสั่นสะเทือน, หรือค้ำยันต่างๆ เพื่อให้โครงสร้างมีความมั่นคงและตรงตามตำแหน่งที่ออกแบบ
  • งานยึดโยงเสาอากาศ/เสาสูง: ใช้ปรับความตึงของลวดสลิงค้ำยันเสาอากาศ, เสาสัญญาณ, หรือเสาธง ให้ตั้งตรงและทนทานต่อแรงลม
  • งานขนส่งและการยกย้าย: ใช้ในการรัดตรึงสินค้าบนรถบรรทุกหรือเรือ เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ระหว่างการขนส่ง หรือใช้ปรับความตึงของโซ่/สลิงในงานยกย้าย
  • งานรั้วและตาข่าย: ใช้ปรับความตึงของลวดหนาม, รั้วตาข่าย, หรือเชือกสำหรับกั้นเขต เพื่อให้รั้วมีความแข็งแรงและไม่หย่อนคล้อย
  • งานสวนและเกษตรกรรม: ใช้ยึดโยงต้นไม้ขนาดใหญ่ หรือปรับความตึงของตาข่ายกันแมลงในโรงเรือน
  • งานประมงและเดินเรือ: ใช้ในการปรับความตึงของสายเคเบิลหรือเชือกยึดอุปกรณ์ต่างๆ บนเรือ

ทำไมคุณภาพของเกลียวเร่งจึงสำคัญต่อความมั่นคงและปลอดภัย?

การเลือกใช้เกลียวเร่งที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบถึงความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในระยะยาว:

  • ความเสี่ยงต่อการหลุดหรือขาด: หากเกลียวเร่งทำจากวัสดุคุณภาพต่ำ หรือมีกำลังรับแรงไม่เพียงพอ อาจเกิดการขาด การบิดงอ หรือเกลียวรูด เมื่อรับแรงดึงที่สูง ทำให้โครงสร้างหรือสิ่งที่ยึดอยู่เสียหาย หรือหลุดร่วง ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง
  • สนิมและการกัดกร่อน: เกลียวเร่งที่ไม่มีการเคลือบผิวป้องกันสนิมที่ดี จะผุกร่อนอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับความชื้นหรือสารเคมี ทำให้ประสิทธิภาพการรับแรงลดลง และอาจส่งผลให้โครงสร้างโดยรวมอ่อนแอ
  • การปรับตั้งที่ยากลำบาก: เกลียวเร่งที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน อาจมีเกลียวที่ฝืดหรือหลวมเกินไป ทำให้การปรับแรงตึงทำได้ยาก ไม่แม่นยำ หรือปรับได้ไม่เต็มที่
  • อายุการใช้งานสั้น: การใช้เกลียวเร่งคุณภาพต่ำจะทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนและเวลาในการบำรุงรักษา

ดังนั้น การลงทุนกับเกลียวเร่งคุณภาพสูงจึงเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัย ความทนทาน และความคุ้มค่าในระยะยาวอย่างแท้จริง