คุณสมบัติ

สีกันสนิม (Anti-Corrosive Primer / Rust-Proof Paint) และ สีน้ำมัน (Oil-Based Enamel Paint) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกันเพื่อมอบการปกป้องและความสวยงามที่สมบูรณ์แบบ:

1. สีกันสนิม: ด่านแรกของการปกป้อง

สีกันสนิมคือสีรองพื้นที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อทาบนพื้นผิวโลหะก่อนการทาสีทับหน้า มีคุณสมบัติเด่นคือ:

• ป้องกันการเกิดสนิม: มีส่วนผสมของสารเคมีที่ช่วยยับยั้งกระบวนการเกิดออกซิเดชันของเหล็ก ทำให้ไม่เกิดสนิมเมื่อสัมผัสกับความชื้นและออกซิเจน
• เพิ่มการยึดเกาะ: ช่วยให้สีทับหน้ายึดเกาะกับพื้นผิวเหล็กได้ดียิ่งขึ้น ป้องกันการหลุดล่อนของสี
• หลากหลายประเภท: มีทั้งสีรองพื้นกันสนิมแดง (Red Oxide Primer) สำหรับงานทั่วไป และสีรองพื้นกันสนิมเทา (Grey Anti-Corrosive Primer) ที่เหมาะกับสีทับหน้าโทนอ่อน หรือสีกันสนิมที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น สีรองพื้นอีพ็อกซี่กันสนิม สำหรับงานอุตสาหกรรมหนัก

2. สีน้ำมัน: ความสวยงามทนทานและการปกป้องขั้นที่สอง

สีน้ำมันคือสีทับหน้าที่มีส่วนผสมหลักเป็นน้ำมัน เหมาะสำหรับทาบนพื้นผิวโลหะ ไม้ และปูน มีคุณสมบัติเด่นคือ:

• ความทนทานสูง: ฟิล์มสีมีความแข็งแรง ทนทานต่อการขูดขีด การเสียดสี และสภาพอากาศที่รุนแรงได้ดีเยี่ยม
• ให้ความเงางาม: โดยทั่วไปสีน้ำมันจะให้ฟิล์มสีที่เงางาม เพิ่มความสวยงามและหรูหราให้กับพื้นผิว
• กันน้ำและทำความสะอาดง่าย: ฟิล์มสีที่เรียบเนียนช่วยให้น้ำไม่เกาะ และสามารถเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกได้ง่าย
• หลากหลายเฉดสี: มีให้เลือกมากมายหลายเฉดสี เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการออกแบบและตกแต่งทุกสไตล์

การใช้สีกันสนิมก่อนที่จะตามด้วยสีน้ำมันทับหน้า ถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็นและสำคัญที่สุดในการปกป้องพื้นผิวเหล็กให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด

ทำไมคุณภาพของสีกันสนิมและสีน้ำมันจึงสำคัญ?

การเลือกใช้สีกันสนิมและสีน้ำมันที่ไม่ได้มาตรฐานอาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ที่มองไม่เห็นในระยะยาว:

• สนิมกินเนื้อเหล็ก: หากสีกันสนิมไม่มีประสิทธิภาพ หรือใช้สีรองพื้นที่ไม่เหมาะสม จะไม่สามารถยับยั้งการเกิดสนิมได้ เหล็กจะผุกร่อนและอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้าง
• สีหลุดล่อน: สีทับหน้าที่ไม่ยึดเกาะกับพื้นผิว หรือสีกันสนิมที่ไม่มีคุณภาพ จะทำให้สีหลุดล่อนออกมาเป็นแผ่น ทำให้งานไม่สวยงามและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ่อยครั้ง
• อายุการใช้งานสั้น: สีคุณภาพต่ำจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ฟิล์มสีจะซีดจาง แตก ร่อน ทำให้ต้องทาสีใหม่บ่อยๆ ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทั้งเงินและเวลา
• ความเสียหายต่อโครงสร้าง: ในกรณีของโครงสร้างเหล็กที่ต้องรับน้ำหนัก หากเหล็กเกิดสนิมและผุกร่อน จะนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของโครงสร้างโดยรวม
• ผลกระทบต่อภาพลักษณ์: สำหรับอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง สีที่ซีดจาง หรือลอกร่อน จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความสวยงามโดยรวม

ดังนั้น การลงทุนกับสีกันสนิมและสีน้ำมันคุณภาพสูงจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อความทนทาน ความสวยงาม และความปลอดภัยในระยะยาวอย่างแท้จริง